หลักการสำคัญของกายภาพบำบัด
กายภาพบำบัด เป็นกระบวนการที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายและลดความเจ็บปวด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับการ “ทำมาก” หรือ “ทำหนัก” เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้าม หลักการที่ถูกต้องคือการทำในปริมาณที่ “พอดี” ทำหนักแต่ทำน้อย และสม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เน้นการฝึกเฉพาะจุด เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เต็มที่และไม่เกิดการบาดเจ็บซ้ำซ้อน
ทำไมการทำกายภาพบำบัดแบบ “พอดี” จึงดีที่สุด?
การฝืนทำกายภาพบำบัดจนรู้สึกเจ็บปวดหรือเหนื่อยล้ามากเกินไป ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น แต่กลับส่งผลเสียทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ดังนี้
ร่างกายจดจำการเคลื่อนไหวได้น้อยลง
เมื่อคุณรู้สึกเจ็บปวด สมองจะจำกัดการรับรู้การเรียนรู้ของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้กระบวนการฟื้นฟูทำงานได้ไม่เต็มที่
เสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำ
การทำมากเกินไปทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่ออ่อนล้า สะสมจนกลายเป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรังได้
ประสิทธิภาพลดลง
เมื่อร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า ประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวจะลดลง ทำให้ผลลัพธ์ไม่ตรงตามเป้าหมาย
ท้อแท้และหมดกำลังใจ
การต้องทำกายภาพบำบัดอย่างหนักหน่วงและยาวนานอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกดดันและหมดกำลังใจที่จะทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้หยุดการรักษาไปในที่สุด
เทคนิคการทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้องและยั่งยืน
หากต้องการให้กายภาพบำบัดได้ผลดีและยั่งยืน ควรปฏิบัติตามหลักการต่อไปนี้
ทำน้อยแต่บ่อยและสม่ำเสมอ
แทนที่จะทำกายภาพบำบัดยาว ๆ วันละครั้ง ลองแบ่งทำเป็นช่วงสั้น ๆ วันละ 2–3 ครั้ง วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
เลือกความหนักที่พอเหมาะ
ความหนักของแต่ละท่าควรเหมาะสมกับกำลังของกล้ามเนื้อและข้อต่อในวันนั้น ๆ ไม่เบาหรือหนักเกินไปจนรู้สึกเจ็บ หรือทำหนักแต่ทำน้อย เพื่อให้เกิดความท้าทายแต่ไม่สร้างความเสียหาย
ประเมินอาการและออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล
ก่อนเริ่มกายภาพบำบัด ควรปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อประเมินความรุนแรงของอาการและวางแผนโปรแกรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน
สังเกตอาการตัวเอง
หากมีอาการปวดเพิ่มขึ้น ควรหยุดพักและปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนโปรแกรม ไม่ควรฝืนทำต่อ