รู้ทันโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “อัมพฤกษ์ อัมพาต” เป็นภาวะฉุกเฉินที่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที และส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างรุนแรง การรู้เท่าทันอาการเบื้องต้นของโรคนี้จะช่วยให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา ลดความรุนแรงของโรค และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ
โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากภาวะที่สมองบางส่วนขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกะทันหัน ทำให้เนื้อเยื่อสมองตายลง ซึ่งมีสาเหตุหลักอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
- โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke)
เป็นภาวะที่เกิดจากลิ่มเลือดหรือคราบไขมันอุดตันในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไม่สามารถส่งออกซิเจนไปยังสมองได้เพียงพอ
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง - โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)
เกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดออกภายในเนื้อสมองหรือรอบๆ สมอง
ส่งผลให้เกิดความดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น จนอาจทำลายเนื้อสมองในบริเวณใกล้เคียง
ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดใด หากได้รับการรักษาเร็ว โอกาสรอดชีวิตและลดความพิการถาวรจะสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะภายใน “เวลาทองคำ” คือ ไม่เกิน 4 ชั่วโมง 30 นาที หลังจากเริ่มมีอาการ
เพื่อให้สามารถจดจำอาการของโรคหลอดเลือดสมองได้ง่ายและแม่นยำ มีวิธีที่นิยมใช้ทั่วโลกคือ หลัก B.E.F.A.S.T. ซึ่งเป็นตัวย่อของอาการเบื้องต้นที่สำคัญ 6 ประการ ได้แก่
B – Balance (การทรงตัว)
ผู้ที่กำลังเกิดภาวะหลอดเลือดสมองอาจมีอาการเสียการทรงตัว เดินเซ ล้ม หรือเวียนศีรษะอย่างฉับพลัน โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน บางรายอาจมีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ร่วมด้วย อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นทันที ไม่ใช่อาการปวดศีรษะเรื้อรังหรืออาการอ่อนเพลียทั่วๆ ไป
E – Eyes (สายตา)
อาการผิดปกติที่เกี่ยวกับการมองเห็นสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่กำลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เช่น มองเห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด หรือมองเห็นเพียงครึ่งหนึ่งของภาพโดยไม่รู้ตัว อาจมองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่งแบบเฉียบพลัน หรือมีจุดบอดในสายตา อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วและแตกต่างจากปัญหาทางสายตาทั่วไป
F – Face (ใบหน้า)
ความผิดปกติบนใบหน้าเป็นอีกหนึ่งอาการที่สังเกตได้ง่าย เช่น ใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก ยิ้มแล้วไม่เท่ากันครึ่งหนึ่งของใบหน้า หรือตอบสนองทางสีหน้าได้น้อยลง อาการเหล่านี้มักเกิดเพียงข้างเดียวของใบหน้า เป็นผลจากกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงที่ควบคุมโดยสมองฝั่งตรงข้ามที่ได้รับความเสียหาย
A – Arms (แขนขา)
อาการแขนขาอ่อนแรง หรือชาเพียงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย เป็นอาการสำคัญที่พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยอาจยกแขนขึ้นไม่ได้ หรือมีอาการชาจากไหล่ลงมาถึงนิ้วมือ อาจมีอาการขาอ่อนแรงจนเดินไม่ได้ หรือทรุดตัวลงทันที อาการจะเกิดขึ้นเฉียบพลันและมักเป็นซีกเดียวของร่างกาย
S – Speech (การพูด)
อาการพูดผิดปกติ ได้แก่ พูดไม่ชัด พูดช้า พูดไม่ได้เลย หรือฟังคำพูดของผู้อื่นไม่เข้าใจ มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีอาการมาก่อน บางรายอาจมีลิ้นแข็ง ออกเสียงไม่ชัด หรือพูดเป็นประโยคไม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของการที่สมองส่วนควบคุมการสื่อสารได้รับผลกระทบ
T – Time (เวลา)
เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกรณีของโรคหลอดเลือดสมอง หากพบอาการผิดปกติที่กล่าวมาข้างต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเข้าช่วยเหลือทันที และพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาใน “เวลาทองคำ” ซึ่งก็คือ ภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที หลังจากเริ่มมีอาการ
ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสในการใช้ยาละลายลิ่มเลือด (ในกรณีหลอดเลือดสมองตีบหรือตัน) ก็จะยิ่งได้ผลดี และลดความเสียหายต่อสมองได้มากที่สุด
ความสำคัญของการสังเกตอาการเบื้องต้น
โรคหลอดเลือดสมองมักเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า และผู้ป่วยบางรายไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเผชิญภาวะฉุกเฉิน ดังนั้นการที่คนรอบข้างรู้วิธีสังเกตอาการด้วยหลัก BEFAST จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โอกาสที่จะได้รับการรักษาและฟื้นฟูจนกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติจะสูงกว่าหลายเท่าตัว
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
แม้โรคหลอดเลือดสมองจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม เช่น
- ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตรวจเช็คระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดเป็นประจำ
- เลิกสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว การเรียนรู้สัญญาณเตือนเบื้องต้นด้วยหลัก B.E.F.A.S.T. คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสังเกตและรับมือได้ทันทีเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง
หากพบอาการผิดปกติใดๆ ข้างต้น ควรรีบโทร 1669 โดยไม่ลังเล เพราะการตัดสินใจเพียงไม่กี่นาที อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ตัดสินระหว่างการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ กับการพิการไปตลอดชีวิต หรือแม้แต่การสูญเสียชีวิต
จำไว้ให้แม่น
- B – Balance: การทรงตัวผิดปกติ
- E – Eyes: การมองเห็นเปลี่ยนไป
- F – Face: ใบหน้าเบี้ยว
- A – Arms: แขนขาอ่อนแรง
- S – Speech: การพูดผิดปกติ
- T – Time: รีบโทร 1669 ทันที
ทุกวินาทีมีค่า ทุกนาทีคือสมอง